วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โลชั่นมะหาด ผลิตภัณฑ์มะหาด


บทความก่อนหน้านี้ได้เล่าถึงที่มาความเป็นมากันไปแล้ว ที่นี้เราก็คงอยากรู้กันแล้วสินะว่า เจ้ามะหาดนี้อะ มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง

เราจะมาเริ่มด้วย ตัว โลชั่นมะหาด กันก่อนนะค่ะ





โลชั่นมะหาด By Pretty Secret สุดฮิต ดับเบิ้ล สูตรขาวไว 2 เท่า

รายละเอียด : โลชั่นมะหาด By Pretty Secretสุดฮิต ดับเบิ้ล สูตรขาวไว 2 เท่า เห็นผลภายใน 7 วัน เนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะ เกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ชั้นผิวดีเยียม ด้วยสารสกัดจากแก่นมะหาด ช่วยทำหน้าที่ ยับยั้งการเกิดเม็ดสีผิว เปลี่ยนผิวที่หมองคล้ำ ให้กลับ ขาวใสได้ อย่างน่า , โลชั่นมะหาด ดับเบิ้ล ขาวไว2เท่า Lakoocha Double White Lotion เนื้อโลชั่นสีน้ำตาลเข้มข้น สูตรแก่นมะหาดผสมสมุนไพร หอมกลิ่นสมุนไพรสุดๆ เนื้อโลชั่นกึ่งเซรั่มสีน้ำตาล เพื่อผิวขาวสูตรเร่งรัด ขาวจริงเห็นการเปลี่ยนแปลงใน7วัน
เนื้อโลชั่นเข้มข้น ซึมไวไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ผิวขาวใสไม่หมองคล้ำด้วยสารสกัดเข้มข้นจากแก่นมะหาด ช่วยทำหน้าที่ยับยั้งการเกิดเม็ดสีผิวที่หมองคล้ำ กร้านดำ ให้ขาวกระจ่างใส เปล่งปลั่งอย่างน่าอัศจรรย์ เก็บไว้ได้นานไม่เสื่อมประสิทธิภาพคงความหอมของแก่นมะหาดและสมุนไพร


ส่วนประกอบสำคัญ Lakoocha Extract,Aqua,Polyacrylate(and)Ethylhexyl Strarate(and)Trideceth-6
,Isopropyl Myristate,Mahadd,Phenoxyethanol,Disodium EDTA,Perfume

วิธีใช้ ใช้ทาทั่วผิวกายหลังอาบน้ำ เช้า-เย็น

สามารถสั่งซื้อได้ที่ http://www.khunyingshop.com 
หรือตามติดได้ที่แฟนเพจ : http://www.facebook.com/khunyingshop 

ครีมมะหาด

พูดถึง ครีมมะหาด   เราอยากรู้กันไหมละว่า มันมาจากไหน

ทำไมถึงฮิตกันเหลือเกิน แล้วเราจะหาซื้อได้ที่ไหน


อยากหาซื้อครีมมะหาดของแท้ มี อย.
สั้งซื้อได้ที่เว็ปนี้ค่ะ : http://www.khunyingshop.com



ที่มาของมะหาด จริงๆๆแต่ช้านานก็อยู่คู่กับบ้านเรามาสะนาน แต่ไม่เคยถูกค้นพบ เป็นสมุนไพรไทยที่คนอย่างเราๆๆมองข้ามไป แต่ล่าสุด แก่นมะหาด ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์มะหาด ได้ถูกค้นพบ และวิจัย โดยทาง เภสัชจุฬา ซึงรายละเอียดผลการวิจัย เป็นดังนี้

ผลการวิจัย

เภสัชศาสตร์ จุฬาฯ พบสูตรสมุนไพรไทย “แก่นมะหาด” ลดความเข้มของเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง
มีผลทำให้ผิวขาวได้ ปลอดภัยและไม่ทำให้ระคายเคืองผิว

รศ.ดร.กิตติ ศักดิ์ ลิขิตวิทยาวุฒิ (ส.ก.18117 เข้าสวนฯปี 2514; OSK อีกท่านจากสกุลนี้ คือ อภิรักษ์ ลิขิตวิทยาวุฒิ OSK112) และ รศ.ดร.ภาคภูมิ เต็งอำนวย อาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งศึกษาวิจัย “สมุนไพรช่วยให้ผิวขาวจากแก่นมะหาด” เปิดเผยว่า สารที่มีคุณสมบัติลดสีผิวและช่วยทำให้ผิวขาว มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับกลไกการออกฤทธิ์ ทั้งนี้ สารที่ทำให้เกิดผิวขาวที่นิยมใช้มากที่สุดคือ สารขจัดสีผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรสิเนส ซึ่งทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยา ตั้งต้นของกระบวนการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน สารเหล่านี้ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีราคาแพง การศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยจากแก่นมะหาด เพื่อพัฒนาสารที่ช่วยทำให้ผิวขาว นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดการนำเข้าสารเหล่านี้จากต่างประเทศ

มะหาด มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus lakoocha Roxb. เป็นต้นไม้ยืนต้นในวงศ์ Moraceae พบมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวบ้านนิยมนำแก่นมาต้มกับน้ำ และนำสิ่งที่สกัดได้มาทำให้เป็นผงแห้ง เรียกว่า “ปวกหาด” ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด การศึกษาวิจัยเรื่องสรรพคุณของมะหาดที่ทำให้ผิวขาวนั้นเริ่มต้นเมื่อปี 2541 โดยทำการสุ่มตัวอย่างพืชสมุนไพรหลายชนิด มาทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรสิเนสในหลอดทดลอง จนกระทั่งพบว่าสารสกัดจากแก่นมะหาด ให้ผลยับยั้งเอนไซม์ชนิดนี้มากที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่จะนำสารชนิดนี้มาพัฒนา เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้วิจัยได้ทำการประเมินประสิทธิผลของสารสกัดจากแก่นมะหาดเป็นลำดับขั้น เริ่มจากการศึกษาในหนูตะเภา และการทดลองใช้ในอาสาสมัคร โดยช่วงแรกผู้วิจัยได้นำผงปวกหาดที่หาได้ง่ายมาทดลองใช้ เปรียบเทียบกับสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวเป็นที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบันและมีราคา แพง







ผลการทดลองพบว่าปวกหาดมีประสิทธิภาพในการลดความเข้มของ สีผิวในหนูตะเภา ต่อมาได้ทำการศึกษาในอาสาสมัครจำนวน 4 คน โดยทาสารสกัดจากแก่นมะหาดที่แขนวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ และทำการวัดค่าความเข้มของสีผิวด้วยเครื่อง Mexameter พบว่าแขนที่ทาด้วยสารสกัดจากแก่นมะหาดมีแนวโน้มให้ค่าความเข้มของสีผิวลดลง นอกจากนี้ ยังไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคือง ในที่สุดผู้วิจัยได้ศึกษาในอาสาสมัครจำนวนมากขึ้น คือ 60 คน ในระยะเวลา 12 สัปดาห์ โดยแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 20 คน เป็นเพศหญิง อายุ 20–48 ปี มีสภาพผิวหนังปกติ จากการทาสารสกัดที่ต้นแขนของอาสาสมัครวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เปรียบเทียบกับอาสาสมัครที่ทาด้วยสารสกัดจากชะเอมและกรดโคจิก ผลการทดลองพบว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ทาด้วยสารสกัดจากมะหาด จะมีผิวขาวขึ้นเรื่อย ๆ ความขาวของสีผิวจะเห็นผลในระยะเวลาเพียง 4 สัปดาห์ และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมีนัยสำคัญตามระยะเวลาที่ทำการทดลอง นอกจากนี้ ยังไม่พบอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวแต่อย่างใด ในขณะที่สารสกัดจากชะเอมและกรดโคจิกให้ผลในการทำให้ผิวขาวในระยะเวลาที่ นานกว่า คือ 10 และ 8 สัปดาห์ตามลำดับ

ปัจจุบันการศึกษาวิจัยใน เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการทดลองพัฒนา ตลอดจนศึกษาถึงประสิทธิภาพและความคงตัวเมื่ออยู่ในสูตรตำรับต่าง ๆ เปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีการสกัดสารจากแก่นมะหาดให้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น